เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
เชียงใหม่, Thailand
ติดต่อสอบถาม 086-4555092

วันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

หลักการอบสมุนไพร
เพื่อสุขภาพและความงาม

www.abhaiherb.com
                   "หลักการ วิธีการและข้อห้ามในการอบสมุนไพรเพื่อสุขภาพและความงาม" ที่ถูกต้อง ปัจจุบันได้มีการเปลี่ยนภาชนะในการต้มยาสมุนไพรจาก"หม้อต้มดินเหนียว" มาเป็น "หม้อหุงข้าวไฟฟ้า" เพื่อความสะดวกรวดเร็ว แต่การใช้หม้อหุงข้าวไฟฟ้า จะต้องระวังรักษาปริมาณของน้ำที่ใส่ลงไปให้พอดี สำหรับผู้ที่ไม่มีหม้อหุงข้าวไฟฟ้า ก็อาจจะใช้หม้ออะลูมิเนียมแทนได้ แต่จะต้องเป็นหม้อที่มีฝาปิดมิดชิด เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยาสมุนไพรระเหยไปหมดก่อนที่จะนำไปใช้
www.manager.co.th
การต้มสมุนไพรเหล่านี้ต้องต้มจนน้ำสมุนไพรเดือดพล่าน (ระวังน้ำสมุนไพรล้นทะลักออกมานอกหม้อต้ม) จากนั้นยกหม้อต้มยาไปวางไว้ในกระโจมที่จะใช้อบร่างกาย เตรียมเก้าอี้เล็ก ๆ สำหรับนั่งกระโจม โดยวางหม้อต้มยาสมุนไพรไว้ตรงหน้าของผู้อบ เผยอฝาหม้อออกเพียงเล็กน้อย พร้อมกันนั้นให้ใส่การบูรที่บดละเอียดแล้วลงไปในหม้อต้มยาสมุนไพรที่กำลังเดือดจัด โดยค่อย ๆ โรยการบูรลงไปทีละนิด ๆ กลิ่นอายของการบูรจะแพร่กระจายออกไป ให้ผู้อบสมุนไพรสูดเอากลิ่นของการบูรเข้าปอดอย่างเต็มที่ คอยโรยการบูรลงไปในหม้อต้มยาสมุนไพร และสูดกลิ่นเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ ผู้อบจะได้กลิ่นหอมของการบูรและสมุนไพรต่าง ๆ อย่างเต็มที่ จากนั้นจะรู้สึกถึงความโล่งสบายในระะทางเดินหายใจของตนเอง และสบายเนื้อสบายตัวขึ้นมากกว่าตอนที่ยังไม่ได้อบ "ยาอบสมุนไพรเพื่อสุขภาพและความงาม"
"การอบสมุนไพรเพื่อสุขภาพและความงาม" ที่เหมาะสม ควรใช้เวลาในการอบเพีบง 10-15 นาที ไม่ควรมากกว่านั้น เพราะเมื่อร่างกายของคนเราได้รับไอความร้อนมากเกินไป จะทำให้เกิดความอ่อนเพลียขึ้นได้ซึ่งย่อมเป็นผลร้ายมากกว่าผลดี สุดท้ายเมื่ออบร่างกายครบตามกำหนดเวลาแล้ว ให้ผู้อบยาสมุนไพรเพื่อสุขภาพและความงาม ออกจากกระโจมอบยาสมุนไพรเพื่อสุขภาพและความงาม มาสัมผัสกับอากาศภายนอก รอจนร่างกายแห้งดีแล้วจึงอาบน้ำ ชำระล้างร่างกายตามปกติ อย่างไรก็ตาม ผู้อบสมุนไพรไม่จำเป็นต้องเข้ากระโจมอบสมุนไพรทุกวัน แต่ควรอบสมุนไพรประมาณเดือนละ 2-3 ครั้ง ก็เพียงพอแล้ว
"การอบสมุนไพรเพื่อสุขภาพและความงาม" จากภูมิปัญญาของบรรพบุรุษไทยเราดั้งเดิมมีคุณค่าล้นเหลือจวบจนกระทั่งทุกวันนี้ "ยาอบสมุนไพรเพื่อสุขภาพและความงาม" ก็ยังยืนยงคงอยู่ และดูเหมือนว่าจะนำมาใช้ประโยชน์กันมากขึ้น แม้แต่ในแวดวงธุรกิจสปา "ยาอบสมุนไพรเพื่อสุขภาพและความงาม" ก็ได้เข้าไปมีบทบาทที่สำคัญ ซึ่ง "การอบสมุนไพรเพื่อสุขภาพและความงาม" ในสปาจะช่วยผ่อนคลายความเครียด คลายความเมื่อยขบกล้ามเนื้อ เส้น และเอ็น ของผู้รับบริการได้อย่างดีทีเดียว



www.manager.co.th

วิธีการอบสมุนไพรเพื่อสุขภาพและความงาม
นำสมุนไพรมาล้างให้สะอาด  หั่นและตำพอแหลกใส่ในหม้อหุงข้าวประมาณ 1 ใน 4 เติมน้ำไป 3 ใน 4 ของหม้อ  นำไปต้มให้เดือดแล้วนำหม้อหุงข้าวใส่ในกระโจมโดยไม่ต้องถอดปลั๊กค่อยๆ  แง้มฝาหม้อให้ไอน้ำออกมาสม่ำเสมอ  ผู้อบควรใส่เสื้อผ้าให้น้อยชิ้นและใช้เวลาในการอบประมาณ  10-15  นาที  เมื่อออกมาแล้วควรนั่งพักเพื่อให้เหงื่อแห้งก่อนไปอาบน้ำและควรดื่มน้ำที่สะอาดหลังการอบด้วย
หรือถ้าหากทำเป็นรูปห้อง "อบสมุนไพรเพื่อสุขภาพและความงามที่ได้มาตรฐาน มีรายละเอียดดังนี้คือ
1.     ขนาดของห้องควรมีขนาด 1.9x1.9x2.3 เมตร เพื่อไม่ให้คับแคบเกินไปสามารถให้บริการได้ครั้ง    
        ละ 3-4 คน
2.     พื้นและฝาผนัง ควรเป็นพื้นปูนขัดหน้าเรียบ ช่วยให้ง่ายต่อการทำความสะอาด หรืออาจจบด้วย
       กระเบื้องเคลือบ ช่วยให้สวยงามและทำความสะอาดได้ง่ายเช่นกัน
3.     ประตูห้องควรปิดมิดชิดแต่ไม่มีการล็อคกลอนจากด้านใน อาจเจาะเป็นช่องกระจกที่สามารถมองจาก
        ภายนอกเห็นภายในห้องได้
4.     จำนวนห้องควรมีอย่างน้อย 2 ห้อง เพื่อแยกให้บริการสำหรับเพศชายและหญิง
5.     เครื่องใช้สำหรับห้องอบ ได้แก่
  • ม้านั่วยาว 1 ตัว
  • เทอร์โมมิเตอร์สำหรับวัดอุณหภูมิภายในห้องอบอุณหภูมิ 42-45 องสาเซลเซียส ซึ่งสามารถตรวจสอบอุณหภูมิได้ที่ภายนอกห้อง
  • นาฬิกาจับเวลา ซึ่งสามารถตั้งเวลาได้
  • เครื่องชั่งน้ำหนัก เครื่องวัดความดันโลหิต ปรอทวัดไข้
  • หม้อต้มน้ำไฟฟ้า ที่มีตะแกรงเติมและเปลี่ยนถ่ายสมุนไพรได้
 ข้อห้ามในการอบสมุนไพรเพื่อสุขภาพและความงาม
1.     ห้ามอบขณะมีไข้สูง เพราะอาจมีการติดเชื้อโรคต่างๆ
2.     ผู้ที่เป็นโรคติดต่อร้ายแรงไม่ควรอบ
3.     ผู้ที่มีโรคประจำตัวดังต่อไปนี้ไม่ควรอบคือ โรคไต โรคปอด โรคลมบ้าหมู ตกเลือด ท้องเสีย
5.     มีอาการอักเสบจากบาดแผลเปิดและปิด
6.     อ่อนเพลีย อดอาหาร อดนอน หลังรับประทานอาหารใหม่ ๆ
7.     ปวดศรีษะชนิดวิงเวียนศรีษะและคลื่นไส้
8.     ในขณะอบถ้ารู้สึกแน่นอึดอัดหายใจไมสะดวกควรหยุดทันที
9.    ไม่ควรอบนานเกินไป เพราะร่างกายจะเสียน้ำและเกลือแร่ออกทางเหงื่อมากเกินไป



อ้างอิง http://www.yesspathailand.com/

วันเสาร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2559




อาหารต้านโรคช่วงหน้าฝน


www.vcharkarn.com

              ช่วงนี้เป็นช่วงที่อากาศมีการเปลี่ยนแปลง เข้าสู่หน้าฝนแล้ว สภาพอากาศที่อับชื้นและเย็นลงเหมาะแก่การเจริญเติบโตของเชื้อโรคโดยไม่สนใจว่าจะเป็นเด็ก ผู้ใหญ่วัยทำงาน หรือผู้สูงอายุ ถ้าคุณเป็นหนึ่งคนที่ภูมิต้านทานในช่วงนี้ไม่แข็งแรงแล้วล่ะก็ เชื้อโรคจะเข้าประชิดตัวและทำร้ายคุณได้ทันที ทำให้เชื้อไวรัสและแบคทีเรียแพร่ขยายและก่อโรคได้อย่างรวดเร็ว
          วิธีดูแลสุขภาพสำหรับคนทุกช่วงวัยในหน้าฝน เริ่มต้นง่าย ๆ ที่ตัวคุณเอง ดังนี้
          สำหรับเด็ก ๆ สิ่งที่ต้องกังวลเป็นพิเศษ คือ เชื้อโรคที่เกิดจากการสัมผัส เพราะเด็กๆ ส่วนใหญ่ มักไม่ค่อยใส่ใจรักษาความสะอาดและสุขอนามัยของตัวเอง เช่น โรคตาแดง ที่อาจเกิดจากน้ำสกปรกกระเด็นเข้าตา หรือนำมือที่เปื้อนสิ่งสกปรก ไปสัมผัสโดนดวงตา เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีโรคที่มากับการรับประทานอาหารหรือน้ำ เช่น โรคอุจจาระร่วง และอาหารเป็นพิษ อย่างไรก็ตาม ในหน้าฝน มักพบไข้หวัดระบาดในเด็ก ซึ่งสาเหตุก็มาจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง หรือเด็กตากฝนจนไม่สบาย
          สำหรับผู้สูงวัย ซึ่งมีภูมิต้านทานโรคต่ำตามสภาพร่างกายที่อ่อนแอลง อาจป่วยเพราะการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศเช่นกัน ซึ่งโรคที่พบได้บ่อยในคนสูงอายุ คือ โรคระบบทางเดินหายใจ ทั้งไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ คออักเสบ หลอดลมอักเสบ ซึ่งสามารถลุกลามไปถึงโรคปอดอักเสบหรือปอดบวมได้ หากอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีน้ำท่วมขังปัสสาวะหนูตามพื้นถนนที่ปนเปื้อนอยู่ เมื่อเดินเท้าเปล่าอาจทำให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย โดยผ่านทางบาดแผล หรือเยื่อบุผิวหนัง จนป่วยเป็นโรคเลปโตสไปโรซิสหรือไข้ฉี่หนู ดังนั้น หากมีคนชราอยู่ที่บ้าน ควรดูแลเป็นพิเศษ เน้นย้ำเรื่องการสวมใส่รองเท้า หากเดินออกไปนอกบ้าน หรือเข้าไปในสวนหรือที่ชื้นแฉะ เพราะคนสูงวัยจำนวนไม่น้อยที่ชอบทำสวนและปลูกต้นไม้เป็นงานอดิเรก
          สำหรับคนวัยทำงาน ก็ไม่ควรชะล่าใจ เพราะคิดว่าร่างกายแข็งแรงกว่าคนในวัยอื่นๆ ทุกวันนี้ คนวัยทำงานส่วนใหญ่ ไม่ค่อยมีเวลาออกกำลังกาย เนื่องจากภาระหน้าที่การงานรัดตัว จึงทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันลดลง เป็นสาเหตุให้ป่วยเป็นไข้หวัด หรือไข้หวัดใหญ่ได้ หรือแม้กระทั่งการถูกยุงกัดก็อาจส่งผลให้เป็นโรคไข้เลือดออกหรือไข้สมองอักเสบได้เช่นกัน
          ดังนั้น หน้าฝนนี้ ควรดูแลสุขภาพตนเองอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ร่างกายสามารถปรับสภาพและมีภูมิต้านทานต่อการเปลี่ยนแปลงของอากาศได้ คำแนะนำเบิ้องต้นในการดูแลสุขภาพในช่วงหน้าฝน คือ
1. รักษาร่างกายให้อบอุ่นอยู่เสมอ
www.ezygodiet.com
2. พักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอ
3. รับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ และดื่มน้ำสะอาด
4. ล้างมือให้สะอาดก่อนรับประทานอาหารทุกครั้ง
5. หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือคลุกคลีกับผู้ป่วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่รู้สึกว่าร่างกายอ่อนแอ
6. ออกกำลังกายเป็นประจำ
7. ระวังอย่าให้ถูกยุงกัด
          นอกจากดูแลตัวเองจากภายนอกแล้ว ไม่ว่าคุณอยู่ในวัยไหนก็ต้องรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และเน้นการรับประทานผักและผลไม้ เพราะสารอาหารที่รับประทานเข้าไปมีส่วนสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้ร่างกายแข็งแรง และรับมือกับโรคในช่วงหน้าฝนนี้ได้ สารอาหารต้านโรคที่แนะนำ มีดังนี้
·         เบต้าแคโรทีน พบมากในผักสีเขียว และผลไม้ที่มีสีส้ม เหลือง หรือแดง เช่น บร็อคโคลี ผักบุ้ง แครอท มะเขือเทศ มะละกอ
·         วิตามินซี พบในผักและผลไม้รสเปรี้ยว เช่น ส้ม ฝรั่ง มะนาว กีวี พริกหยวก
·         วิตามินอี พบมากในผักใบเขียว มะเขือเทศ กีวี ไข่ ถั่ว นม เนื้อปลา น้ำมันพืช
·         วิตามินบี พบในผักใบเขียว นม เนื้อสัตว์ ตับ ไข่ และธัญพืชจำพวก ถั่ว ข้าว ข้าวซ้อมมือ
·         ซีลีเนียม พบในอาหารทะเล ตับ จมูกข้าวสาลี กระเทียม บร็อคโคลี ข้าวกล้อง
·         สังกะสี พบในหอยนางรม ผลิตภัณฑ์นม เนื้อไก่ ไข่ ถั่วลิสง
·         กระเทียม มีสารอัลลิซิน (allicin) และซัลไฟด์ (sulfides) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ทำหน้าที่เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกัน มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรค และช่วยเสริมภูมิต้านทาน
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ วิตามิน
frynn.com
·         กรดโอเมก้า 3 คือกรดไขมันที่จำเป็นในการสร้างเม็ดเลือดขาว และแอนติบอดี้ พบมากในไข่ ปลาทะเล ถั่วเหลือง น้ำมันตับปลา
·         โยเกิร์ต เต็มไปด้วยโปรไบโอติกส์ ทำหน้าที่ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันไปจนถึงระดับเซลล์ ซึ่งช่วยปกป้องร่างกายจากไวรัส แบคทีเรีย รวมทั้งยังกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดขาวและแอนติบอดี้ให้กำจัดเชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น


          ที่มา : เว็บไซต์เดลินิวส์ออนไลน์


วันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2559



ลูกประคบกาแฟ+สมุนไพร

ประโยชน์ลูกประคบกาแฟสไตล์วินเทจ+สมุนไพร

- ประคบเพื่อคลายเครียด ด้วยกลิ่นสมุนไพรที่สารสกัดทาง Essential oil 
- ประคบเพื่อคลายเส้น เอ็น กล้ามเนื้อ ให้หายจากอาการเมื่อยล้า อ่อนเพลีย
- ประคบเพื่อให้โลหิตไหลเวียนทั่วสรรพางค์กายได้สะดวกดีขึ้น
- ประคบเพื่อบรรเทาและรักษาอาการเหน็บชา อัมพฤกษ์และอัมพาต
- ประคบเพื่อลดไขมัน หรือละลายไขมันที่สะสมอยู่ในร่างกาย
- ประคบเพื่อลดความดันโลหิตสูงให้ลดลงมาเป็นปกติ
- ประคบเพื่อให้มดลูกเข้าอู่ได้เร็ววันยิ่งขึ้น
- ประคบเพื่อขับน้ำคาวปลาออกมาจากมดลูกให้หมดสิ้น ไม่เหลือคั่งค้างเอาไว้
- ประคบเพื่อให้ร่างกายพริกฟื้นจากความอ่อนแอ ขี้โรค ให้มีเรี่ยวแรงดีขึ้น
- ประคบเพื่อคลายเครียด สบายเนื้อสบายตัว อารมณ์แช่มชื่น ผ่องใส จิตใจ ปลอดโปร่ง
- ประคบเพื่อสร้างสมดุลให้แก่สุขภาพของตนเองแม้ว่าจะไม่เจ็บป่วย หรือมีโรคภัยใด ๆ ก็ตาม

กลิ่นหอมของกาแฟนั้นไปปลุกการทำงานของยีนในสมอง

          จากการทดลองในหนู นักวิจัยพบว่ากลุ่มของกลิ่นทำงานร่วมกันในการกระตุ้นให้ยีนกว่า 12 ชนิดแสดงออก และเปลี่ยนแปลงระดับโปรตีนบางอย่างด้วย นั้นคือการช่วยลดความอยากที่จะต้องการนอนหลับลง ซึ่งรายงานนี้จะตีพิมพ์ลงวารสาร Agricultural and Food Chemistryทีมนักวิจัยได้ศึกษาในงานวิจัยในส่วนผสมกว่า 100 ชนิดในกาแฟ รวมถึงสารที่มีผลให้สุขภาพดี ซึ่งมีไม่กี่รายงานวิจัยที่ทำการทดลองข้อดีของกลิ่นกาแฟ และครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่พบความกระจ่างในผลของกลิ่นเมล็ดกาแฟ ในการไม่ทำให้ง่วงนอนโดยการกระตุ้นในสมองหนูขึ้นมานักวิจัยได้ให้หนูหายใจเอากลิ่นกาแฟเข้าไป รวมถึงหนูที่ถูกกระตุ้นให้เกิดอาการต้องการนอน หลังจากนั้นจะทำการเปรียบเทียบยีนและการแสดงออกของโปรตีนในสมองหนู ทั้ง 2 กลุ่ม โดยหนูที่ดมกาแฟจะแสดงออกถึงความแตกต่างในการแสดงออกของยีน 17 ชนิด13 ยีนในนั้นแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของระดับการแสดงออกของ mRNA รวมถึงโปรตีนที่เกี่ยวข้องกับการต่อต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งโปรตีนนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้เซลล์สมองถูกทำลายจากภาวะต่าง ๆ




ที่มา: http://www.foosci.com/blog/molecularck

วันพฤหัสบดีที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2559

ครอบแก้วไตล์ต้นสาระ Cupping


ขอบคุณลูกค้าวันนี้จัด....คอร์ส ครอบแก้ว ปรับสมดุล 
(ลูกค้าอนุญาติไห้ลงได้แค่นี้)

ครอบแก้ว คืออะไร

                   ครอบ แก้ว คือ วิธีการรักษาตำรับแพทย์แผนจีนโบราณซึ่งใช้แก้วครอบลงบนผิว จากนั้น จึงลดความดันภายใน โดยการใช้ความร้อนหรือการดูดอากาศออก จนผิวหนังและกล้ามเนื้อถูกดูดเข้าไปในแก้ว อาจมีการใช้น้ำมันสมุนไพรทาผิวหนังก่อน เพื่อให้การเคลื่อนแก้วเป็นไปโดยง่ายขึ้น แก้วอาจถูกครอบนานประมาณ ๕-๑๕นาที จากนั้นผิวหนังจะแดง เมื่อเอาแก้วที่ครอบออกแล้วผิวจะแดงช้ำ นั่นหมายความว่าเลือดคั่งอย่างจงใจเพื่อการรักษาโรค และแม้ว่าผิวหนังบริเวณที่ถูกครอบแก้วจะมีสีน่ากลัว แต่ก็ไม่ได้เจ็บอย่างที่เห็น เนื่องจากผิวของคนไข้หลายคนช้ำง่ายอยู่แล้ว และแก้วที่ครอบก็อาจปรับให้เหมาะกับคนไข้ได้ สิ่งสำคัญก็คือคุณควรบอกกับแพทย์ หากรู้สึกเจ็บปวดจริง ๆ
สุขภาพและสะท้อนถึงของเสียสารพิษร่างกายดึงดูดออกมาเกาะติดอยู่กับผิวหนัง หลังวางถ้วยดูดทิ้งระยะเวลาสักพักหลีกเลี่ยงไม่พ้นจะมีสีผิวเกิดขึ้นภายในบริเวณถ้วยดูดบนผิวหนัง นอกจากสะท้อนถึงของเสียสารพิษในร่างกายได้ถูกขจัดออกจากอวัยวะภายใน แล้วมาเกาะติดอยู่กับผิวหนัง ยังได้สะท้อนถึงอาการผิดปกติของอวัยวะภายในร่างกาย และการปฏิบัติหน้าที่งานบกพร่องของลมปราณ เช่น
สีขาว - ผิวสีขาวสัมผัสแล้วรู้สึกเย็น สะท้อนถึงอาการพร่องของลมปราณและเลือดที่หล่อเลี้ยงไม่เพียงพอ
สีแดง - สะท้อนถึงการไหลเวียนผิดระเบียบของเลือดลม อิน(หยิน)พร่อง หยางสูง ความร้อนพุ่งสูงทำให้เกิดอาการปวดหัวตัวร้อน 
สีแดงอ่อนควบสีเหลือง - สะท้อนถึงความชื้นเกาะติด หรืออาจกระทบกระเทือนจากความเย็น และความร้อนภายนอก
สีม่วงและมีรอยของสีเทา - สะท้อนถึงมีความหนาวเย็น และมีลิ่มเลือดเกาะติด
ผิวสีเป็นสีม่วงเข้มอ่อนกระจาย - สะท้อนถึงลมปราณติดขัด และมีลิ่มเลือดเกาะติดบางส่วน
สีดำคล้ำ - สะท้อนถึงลิ่มเลือดเกาะติด เลือดลมไหลเวียนติดขัด ปวดประจำเดือนหรือเลือดหล่อเลี้ยงหัวใจไม่เพียงพอ